วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เด็กไม่อยากไปโรงเรียนในฝัน


น่าตกใจกับข้อมูลที่วันก่อนผมได้รับทราบมาเรื่องความสนใจการเรียนหนังสือของเด็กไทย เป็นสถิติที่ดูแล้วอันตรายมากกับการพัฒนาประเทศ เพราะกว่า 60 % ไม่อยากไปโรงเรียน มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยในวันนี้ หากเด็กไทยไม่เรียนหนังสือจะเกิดอะไรขึ้น เด็กโง่วันนี้คือผู้ใหญ่โง่ๆในวันหน้า แล้วเมื่อประเทศเราเต็มไปด้วยผู้ใหญ่โง่ๆ ประเทศเราก็จะเจริญเติบโตแบบโง่ๆ แล้วใครล่ะจะมารับกรรมจากความโง่ของเด็กกลุ่มใหญ่ในวันนี้

จากการสำรวจพบว่าเด็กไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเรียนหนังสือไม่สนุก ไม่ชอบครูที่สอน รู้สึกเบื่อกับบทเรียน สิ่งเหล่านี้สะท้อนอะไรอย่างนั้นหรือ ...
ใช่สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาว่าเด็กเบื่อกับรูปแบบการเรียนเดิมๆที่ครูท่องจำมาสอน ท่องมาหลายสิบปี ไม่เคยพัฒนาองค์ความรู้ให้มากกว่าเดิม และมุ่งแต่ทำคุณวุฒิของตัวเอง ครูบางคนก็เอาแต่จับกลุ่มพูดคุยนินทา บ้างก็ขายตรงสาระพัดยี่ห้อ บางครั้งก็เชิงบังคับขายเอากับเด็ก มันเกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาของเรา ระบบที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะพัฒนาประเทศนี้

เราจะปรับปรุงคุณภาพโรงเรียนเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ปรับปรุงคุณภาพการสอนของครูได้หรือไม่ นักการเมืองกับคำพูดเท่ๆเวลาหาเสียงว่าจัดสวัดิการให้เด็กเรียนฟรี สร้างโรงเรียนสีขาว โรงเรียนในฝัน ไร้สาระสิ้นดี...

เด็กไม่อยากไปโรงเรียนในฝัน(ของนักการเมืองที่หาผลประโยชน์จากงบประมาณ) เด็กไม่อยากเรียนฟรี(จากกองทุนที่นักการเมืองจ้องตาเป็นมัน) แต่เด็กอยากได้โรงเรียนที่เข้าใจเขา มีครูที่เข้าใจความคิดของพวกเขา มีครูที่มีองค์ความรู้ใหม่ๆและมีเทคนิคการสอนที่ไม่น่าเบื่อ เด็กแค่อยากได้ครูสักคนที่ดีและเข้าใจเด็กเข้าใจโลกสมัยใหม่...หาให้ได้มั้ย

โลกเปลี่ยนไปเร็วกว่าที่เป็นมาในอดีต เพราะเทคโนโลยีเดินหน้าเปลี่ยนแปลงโลกทุกวัน แต่ระบบราชการ ระบบนักการเมืองของประเทศไทยยังคงยึดมั่นกับฐานความคิดเดิมๆ ผู้ใหญ่ต้องเก่งกว่าเด็ก เพราะผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมากก่อน เพราะผู้ใหญ่มัวแต่คิดเรื่องอาบน้ำร้อน เด็กก็เลยไม่สามารถพัฒนาอะไรได้กว่าการเดินบนเส้นทางไร้องค์ความรู้ที่จะก้าวให้ทันโลก

โลกที่เป็นโลก on line สิ่งเลวร้ายในโลกปรับเปลี่ยนรูปแบบการเข้าหาเด็ก มันเข้าใกล้ตัวเด็กได้อย่างรวดเร็ว ไว เฉียบคม และโครตอันตราย แต่ผู้ใหญ่ นักการเมือง ครู อาจารย์ กับวางแนวป้องกันด้วยความคิดเก่าๆ เดินตามรอยเดิมๆที่สิ่งชั่วร้ายสมัยใหม่มันรู้จักและคุ้นเคย มันจึงหลบหลีกได้ ปล่อยให้เราหลงกับความคิดในกรอบ และหลอกล่อเด็กด้วยความคิดผิดๆที่แฝงมาในรูปแบบใหม่ๆที่ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนไม่เคยรู้ทัน

จะป้องกันให้เด็กเดินได้ถูกทาง จะทำให้เด็กกลับมามีความสนใจเรื่องการเรียน เราต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนแนวรบกับสื่อและสิ่งยั่วยุสมัยใหม่ เพื่อดึงเด็กให้เข้าสู่ระบบการศึกษา ผู้เป็นครู อาจารย์ ต้องเปลี่ยน เปลี่ยนความคิดเดิมๆความคิดที่อยู่ในกรอบ มีโลกอยู่แค่กะลาที่สั่งสอนมาจากระบบการศึกษาเก่าๆแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ๆหงายกะลาของคุณออก แล้วเดินออกมาจับมือเด็กๆคุยกับพวกเขา อย่าตั้งคำถามแต่จงหาคำตอบให้กับเด็ก เพราะเด็กต้องการคำตอบมากกว่าคำถามและคำสั่งเพียงอย่างเดียว...

ในโลกปัจจุปันมันมีคำถามมากพอแล้วสำหรับเด็ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น